พลังแห่งความพ่ายแพ้

พลังแห่งความพ่ายแพ้
 
เห็นชื่อหัวบทความ พลังแห่งความพ่ายแพ้ แบบนี้แล้ว คิดว่าผู้อ่านน่าจะพอเดากันได้แล้วนะคะ ว่าบทความนี้เราจะใช้ความพ่ายแพ้ของเราเปลี่ยนมาเป็นพลังผลักดัน ให้เรามีแรงฮึดสู้และไม่ยอมแพ้อีกต่อไปค่ะ

คือรัตน์ก็ไม่อยากเอาตัวเองเป็นที่ตั้งในเรื่องของความพ่ายแพ้นะคะ เพราะชีวิตจริงก็มีเรื่องที่พอจะชนะอยู่บ้าง (ชนะใจเธอ) แต่รัตน์ก็ยังเชื่อว่าคงไม่มีใครในโลกนี้หรอกค่ะ ที่เกิดมาแล้วไม่เคยพบไม่เคยเจอกับความพ่ายแพ้มาก่อนเลย

แต่ถ้าพูดในเรื่องของความพ่ายแพ้ มันก็มีหลายเหตุหลายปัจจัย หลายมิติ หลายเหตุการณ์ หลายสิ่งแวดล้อม หรือหลายๆ อย่างประกอบกัน แต่สังเขปในบทความนี้ รัตน์จะพูดถึงความพ่ายแพ้ที่เกิดจากคนเป็นองค์ประกอบแล้วกันค่ะ

สิ่งแวดล้อมอาจนำพาให้เราให้ไปเจอคน ให้ไปพบการแข่งขัน เกิดการเปรียบเทียบ และเกิดการถูกท้าทายได้เสมอ หากใครที่เคยพบว่าตัวเองเคยอยู่ในสถานการณ์นั้น หรือกำลังประสบอยู่ ก็อ่านข้างล่างนี้ต่อเพลินๆได้เลยค่ะ

เคยมีใครเป็นไหมคะ ต้องใช้ชีวิตทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ในองก์กรใดองค์หนึ่ง แต่สถานะของเราตรงนั้นขึ้นแถบ status พลังใจเป็นสีแดง บ่งบอกว่าเราพ่ายแพ้อย่างราบคาบอย่างสมบูรณ์แบบ เราต้องพ่ายแพ้ให้กับใครสักคนตั้งแต่ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ทางการงาน วุฒิการศึกษา รถที่ขับ บ้านที่อยู่ หรือแม้กระทั่งเงินในสมุดบัญชี  ถ้าใครที่เคยเป็นแบบนี้ รัตน์ยกมือเป็นเพื่อนด้วยคนค่ะ

รัตน์เคยผ่านสถานการณ์นี้มาแล้ว เชื่อรัตน์เถอะค่ะว่าเราสามารถกำราบความรู้สึกแย่ๆ เหล่านี้จนอยู่หมัดได้อย่างไม่ยากนัก  แต่ก็ไม่ง่ายเสียทีเดียวค่ะ บางคนอาจใช้วิธีมองในสิ่งที่เรามีเหนือกว่า ดีกว่า มากกว่า ซึ่งบางครั้งอาจจะหาได้ยากจริงๆ แต่ก็ต้องลองหาดูนะคะ บางคนหาที่ระบายปรับทุกข์ บางคนปลงตกไม่ใส่ใจ ฯลฯ

แล้วถ้าเขาทำร้ายเราด้วยคำพูดล่ะ จะทำยังไง...

การแก้แค้น หรือหาทางโต้ตอบเอาคืน คงจะไม่เหมาะสมในบางโอกาสและบางสถานการณ์ หรือเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรกระทำ และยิ่งไม่เหมาะหากเราตระหนักและระลึกได้ว่า เราเป็นผู้มีวุฒิภาวะ...แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่ดูจะดีกว่าและเหมาะสมกับเราที่ดูเป็นผู้ดีและมีการศึกษาที่สุดค่ะ

นั่นคือเราต้องเก็บความเจ็บปวดพ่ายแพ้เหล่านั้นมาเป็นพลังผลักดันเราขึ้นไปสู่เป้าหมายของเราค่ะ สร้างพลังใจขึ้นมาใหม่ทำให้เป็นทฤษฏีของตัวเราเอง หรืออาจจะเป็นสโลแกนประจำตัวเราก็ได้ค่ะ

เช่นทฤษฎีแพ้เรื่องหนึ่งจะต้องชนะอีกเรื่องหนึ่ง (ทฤษฎีนี้รัตน์คิดค้นด้วยตัวเองเลยนะ) ก็ประมาณว่า ถ้าเรารู้สึกพ่ายแพ้เรื่องไหน เราจะสร้างความสำเร็จให้สิ่งหนึ่งเป็นการทดแทน ก็คล้ายๆ การมองหาข้อดีที่มีอยู่ในตัวของเราเองนั่นแหละค่ะ เช่น เราหน้าตาดีกว่า เพื่อนเยอะกว่า เสียงเพราะกว่า กล้ามใหญ่กว่า  เราต้องเลือกมาอย่างน้อยสักอย่างค่ะ ยังไงมันก็ต้องมีอะไรบ้างสักอย่างล่ะน่า

มีคำสโลแกนเป็นของตัวเอง อาจเป็นสโลแกน คำคมโดนใจ หรือจะคิดค้นขึ้นมาใหม่เป็นของตัวเราเองไปเลยก็ดีค่ะ เช่น สโลแกนของรัตน์ บูรพาไม่แพ้มารเป็นต้นค่ะ สโลแกนประจำตัวรัตน์มีเยอะมาก มีใช้หลายโอกาส หลายเหตุการณ์เลยค่ะ ถ้าไม่กลัวว่า Scope บทความจะเลยเถิด คงได้เขียนต่อกันยาวอีกหลายหน้าเลยค่ะ

Crystal Moon เจ้าของบทความนี้บอกไว้ว่า “การค้นพบหนทางเอาชนะความพ่ายแพ้ ก็เหมือนการค้นพบไฟที่อยู่ในตัวเอง มันเป็นพลังดึกดำบรรพ์ที่เหลือเชื่อ แต่เราจะเชื่อเมื่อเราพบมัน
แล้วพบกันใหม่นะคะ ^ ^


ภาพประกอบ https://pantip.com/topic/34959336

ความคิดเห็น